แต่ The Knock Out System พูดได้เต็มปากเลยว่ามันคือกลยุทธ์ที่ Fuchs และ Vancura ช่วยกันพัฒนามาเพื่อนักนับไพ่โดยแท้ ซึ่งแก่นของกลยุทธ์นี้ก็คือการนับไพ่ โดยใช้ข้อมูลจากไพ่ทุกใบที่เรามองเห็นบนโต๊ะ แล้วมาคำนวณด้วยค่าบวกลบ ซึ่งสูตร KO BlackJack จะมีการกำหนดไพ่ไว้ดังนี้
และจากไพ่ในมือตอนนี้เรามีแต้มอยู่ 7 แต้ม ทำให้ตอนนี้เราสามารถจั่วไพ่เพิ่ม หรือจะเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าก็ได้ แต่เนื่องจากผลลัพธ์เป็นบวก เป็นไปได้ว่าไพ่ที่เหลือในสำรับจะยังมีไพ่ A, 10, J, Q, K ที่จะช่วยให้เราเข้าใกล้ 21 แต้มมากขึ้น
กลับกันถ้าเราได้ไพ่หน้า A กับ 6 อีกคนได้ J กับ K ส่วนเจ้ามือเราเห็นไพ่ใบแรกเป็น 7 และอีกใบที่คว่ำอยู่ไม่รู้ว่าเป็นหน้าอะไร จากข้อมูลตรงนี้เราจะคำนวณค่าไพ่ออกมาเป็น (-1) + 1 + (-1) + (-1) + 1 = -1 จากไพ่ในมือเราตอนนี้ควรจะ Stand ไว้ เพื่อดูไพ่อีกใบของเจ้ามือ เนื่องจากมีโอกาสมากที่เจ้ามือจะชนะ และเมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นค่าลบ เท่ากับว่าไพ่ที่เหลือในสำรับอาจเหลือแค่ไพ่ 2, 3, 4, 5, 6, 7 ซึ่งไม่คุ้มที่จะ Hit หรือ Double Down ในสถานการณ์เช่นนี้หากเราโชคร้าย Hit ติดไพ่เกิน 5 แต้มขึ้นมามีโอกาสแพ้ทันที และเจ้ามือก็มีโอกาสที่จะได้ไพ่แต้มที่ดีกว่าเราอีกด้วย
จากตัวอย่างข้างต้นเป็นการใช้เทคนิค The Knock Out System สำหรับไพ่ 1 สำรับเท่านั้น แต่เนื่องจากในการเล่น คาสิโนออนไลน์ ที่มีการใช้ไพ่หลายสำรับ แตกต่างกันไปตามประเภทของไพ่ แบล็คแจ็ค ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดค่าเริ่มต้นเสียใหม่ เพื่อให้เกิดความบาลานซ์ของไพ่ เวลานับไพ่จะได้เกิดความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ซึ่งจำนวนสำรับไพ่จะมีความสัมพันธ์กับค่าตั้งต้นดังนี้
ขึ้นชื่อว่า Hard Hand ก็แสดงว่าเป็นมือที่เล่นยากอยู่แล้ว เพราะว่าไพ่สองใบแรกที่เราได้รับจะไม่มีไพ่ A (Ace) อยู่เลย และเมื่อใดก็ตามที่ในมือเราไม่มีไพ่ A และก็ไม่ใช่ไพ่คู่ ให้เล่นตามสเต็ปนี้ได้เลย
จากตารางนี้ Column จะหมายถึงแต้มไพ่หงายของเจ้ามือ ส่วน Rows คือแต้มไพ่ของเรา สมมติว่าไพ่หงายของเจ้ามือเป็น 9 แต้ม แล้วเรามีอยู่ 12 แต้ม จากตารางจะเป็นสีแดงหมายความว่าให้เรา Stand ไว้ก่อน เพราะเจ้ามือมีโอกาส Hit เกิน 21 แต้ม หากไพ่อีกใบทำให้มีแต้มอยู่ระหว่าง 12-16 แต้ม หรือถ้าไพ่ใบแรกของเจ้ามือเป็น A ส่วนเรามี 17 แต้ม จะเห็นว่าเป็นช่องสีเขียว หมายความว่าให้เรา Hit สู้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีโอกาสติด แบล็คแจ็ค แต่การจั่วสู้ก็ดีกว่ายอมแพ้ไปเฉย ๆ
รูปแบบที่ 4 : Next Card Play
กลยุทธ์ Next Card Play ค่อนข้างจะย้อนแย้งกับ Hole Carding เสียหน่อยตรงที่เราจะไม่สนใจ Hole Card ของเจ้ามือ แต่เบนความสนใจไปที่ไพ่ใบที่สามของเจ้ามือแทน หรือที่เรียกกว่า Next Card ซึ่งต้องอาศัยจังหวะแจกไพ่ใบที่สามเท่านั้นในการแอบมอง ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อกลยุทธ์นี้ก็คือ ตำแหน่งที่นั่ง การนั่งในตำแหน่งแรกหากไม่ Hit คนต่อไปก็จะ Hit แทน แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายแล้วไม่ Hit เจ้ามือก็อาจยกเลิกไพ่ใบนี้ หรือใช้เป็นไพ่ใบที่สองของเจ้ามือแทน ดังนั้นการมองไพ่ Next Card จึงช่วยให้เรามีโอกาสคาดเดาได้แม่นขึ้นและเพิ่มโอกาสชนะให้กับเราด้วย
นอกจากไพ่คู่ AA อีกคู่ที่ควรแยกก็คือไพ่คู่ 88 ทันทีที่เราได้คู่นี้มาถือว่าเป็นมือที่เล่นยากมาก ๆ เพราะเริ่มต้นที่ 16 แต้ม ถือว่าเป็นมืออ่อน การ Hit จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำแต้ม Over 21 แต่ถ้า Stand ก็ยากที่จะชนะเช่นกัน วิธีลดความเสี่ยงไปพร้อมกับเพิ่มโอกาสชนะจึงมีเพียงแค่การแยกไพ่เท่านั้น
หากแยกแล้วยังได้ไพ่คู่ AA หรือ 88 อีก ให้แยกอีกครั้ง