หัวข้อบทความ
นับตั้งแต่มีเกมพนันถือกำเนิดมา ดูเหมือนว่าสูตรการเล่นหรือสูตรโกงจะกลายเป็นของคู่กันไปเสียแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ต้องการที่จะเป็นผู้ชนะ จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นว่ามีสูตรบาคาร่าให้เลือกใช้มากมาย แน่นอนว่าตราบใดที่ยังคงมีค่า House Edge อยู่ ก็ไม่มีสูตรใดที่กล้าการันตีผล 100% ถึงอย่างนั้นเราก็จะพาไปไขข้อข้องใจกันว่า สูตร บาคาร่า ใช้ได้ผลแค่ไหน อย่างน้อยก็จะได้ตัดสินใจเลือกใช้สูตรได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามสถานการณ์
สูตร บาคาร่า คืออะไร
สูตร บาคาร่า แท้จริงแล้วเป็นเพียงวิธีการเพิ่มหรือลดขนาดของเดิมพันที่จะวางลงไปในแต่ละตา โดยพิจารณาจากผลการเดิมพันก่อนหน้านี้ว่าเป็นแพ้หรือชนะ เพื่อให้เกิดการวางเดิมพันอย่างเหมาะสมและปราศจากการใช้อารมณ์ในการเล่น อาจเรียกได้ว่าสูตร บาคาร่า เป็นเครื่องมือจัดการเงินทุนและบริหารความเสี่ยงภายใต้ความได้เปรียบของคาสิโนในระยะยาว (House Edge) ซึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายก็มี
สูตร บาคาร่า Martingale
เป็นสูตรการวางเดิมพันแบบก้าวหน้าเชิงบวกที่เราจะต้องวางเดิมพันเป็น 2 เท่าหลังจากแทงเสีย สูตรนี้จะช่วยตามเงินทุนที่เสียไปกลับคืนมาทั้งหมดพร้อมกับกำไรอีก 1 หน่วย แต่ถ้าแพ้ก็ต้องเพิ่มเดิมพันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ ยกตัวอย่างเช่น
- ตาที่ 1 แทงฝั่งผู้เล่น 5 บาท ชนะ เหลือเงิน 10 บาท
- ตาที่ 2 แทงฝั่งเจ้ามือ 5 บาท แพ้ เหลือเงิน 5 บาท
- ตาที่ 3 แทงฝั่งเจ้ามือ 10 บาท แพ้ เหลือเงิน -5 บาท
- ตาที่ 4 แทงฝั่งผู้เล่น 20 บาท แพ้ เหลือเงิน -25 บาท
- ตาที่ 5 แทงฝั่งผู้เล่น 40 บาท แพ้ เหลือเงิน -65 บาท
- ตาที่ 6 แทงฝั่งผู้เล่น 80 บาท ชนะ เหลือเงิน 15 บาท
จะเห็นได้ว่าสูตรนี้ถึงจะกู้เงินที่เสียไปกลับคืนมาได้ ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเสียเงินทุนก้อนโตไปเช่นกัน แล้วยิ่งแทงทบเรื่อย ๆ ก็มีโอกาสที่เดิมพันจะเกินวงเงินที่โต๊ะกำหนดไว้ด้วย ดังนั้นเราอาจจำกัดการใช้สูตรไว้ประมาณ 5 ตา โดยไม่จำเป็นต้องเล่นทุกตาแต่ให้อ่านเค้าไพ่เพื่อหาจังหวะเข้าเล่นแทน ท่านสามารถหาข้อมูลของเว็บบาคาร่าเว็บตรงที่เปิดบริการเพื่อเป็นการทดลองใช่สูตรบาคาร่าได้
สูตร บาคาร่า Paroli
อีกหนึ่งสูตรการวางเดิมพันแบบก้าวหน้าเชิงบวกที่มีหลักการทำงานตรงกันข้ามกับสูตรมาร์ติงเกล โดยสูตรนี้จะเน้นไปที่การวางเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าทุกครั้งที่ชนะและจบรอบด้วยการหยุดก่อนที่จะแพ้ ซึ่งต่างจากมาร์ติงเกลที่ต้องทบไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ ยกตัวอย่างเช่น
- ตาที่ 1 แทงฝั่งเจ้ามือ 5 บาท ชนะ เหลือเงิน 75 บาท
- ตาที่ 2 แทงฝั่งเจ้ามือ 10 บาท แพ้ เหลือเงิน -25 บาท
- ตาที่ 3 แทงฝั่งผู้เล่น 5 บาท ชนะ เหลือเงิน 4.75 บาท
- ตาที่ 4 แทงฝั่งเจ้ามือ 10 บาท ชนะ เหลือเงิน 14.75 บาท
- ตาที่ 5 แทงฝั่งผู้เล่น 20 บาท ชนะ เหลือเงิน 34.75 บาท
- ตาที่ 6 แทงฝั่งผู้เล่น 40 บาท แพ้ เหลือเงิน -5.25 บาท
- ตาที่ 7 แทงฝั่งเจ้ามือ 5 บาท ชนะ เหลือเงิน -0.25 บาท
- ตาที่ 8 แทงฝั่งผู้เล่น 10 บาท ชนะ เหลือเงิน 9.75 บาท
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าจำนวนครั้งที่ชนะมีมากกว่าแพ้ หากยอมจบรอบหลังจากชนะในตาที่ 5 ก็จะยังมีกำไร แต่พอเสียในตาที่ 6 ทำให้ต้องใช้เวลาเล่นอีก 2 ตา ถึงจะกลับมามีกำไรได้ซึ่งการเล่นตาหลัง ๆ มีโอกาสน้อยมากที่จะชนะ หากต้องการใช้สูตรนี้จำเป็นต้องมีเป้าทำกำไรที่ชัดเจน หรือรีบตัดเก็บกำไรก่อนที่จะเสียจึงจะปลอดภัยกว่า
สูตร บาคาร่า Labouchere
สูตรนี้มีความพิเศษกว่าสองสูตรแรกคือเป็นการวางเดิมพันโดยอิงกับลำดับตัวเลขที่อยู่ในชุดตัวเลข วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้มีการวางเดิมพันอย่างเป็นระบบ หลักการใช้คือต้องเอาตัวเลขตัวแรกกับตัวสุดท้ายมารวมกันเพื่อสร้างเดิมพันในตานั้น ๆ หากชนะก็ให้ตัดตัวเลขที่ใช้แล้วออกไป หากแพ้ก็ให้เอาจำนวนเดิมพันที่เสียใส่เข้าไปในชุดตัวเลข โดยทั่วไปลาบูเชอร์จะใช้ตัวเลขเพียงแค่ 5 ตัว เริ่มจาก 1 – 5 โดยมีวิธีการใช้ดังนี้
- ตั้งค่าชุดตัวเลข 1, 2, 3, 4, 5
- นำเลข 1 กับ 5 มารวมกันจะได้ 6 ให้วางเดิมพัน 6 หน่วย
- หากชนะ ตัดเลข 1 กับ 5 ออกไป จะเหลือแค่ 2, 3, 4
- นำเลข 2 กับ 4 มารวมกันจะได้ 6 ให้วางเดิมพัน 6 หน่วย
- หากแพ้ ให้เพิ่ม 6 เข้าไปในชุดตัวเลขก็จะได้ 2, 3, 4, 6
- นำเลข 2 กับ 6 มารวมกันจะได้ 8 ให้วางเดิมพัน 8 หน่วย
- หากแพ้ ให้เพิ่ม 8 เข้าไปในชุดตัวเลขก็จะได้ 2, 3, 4, 6, 8
- ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะและใช้ชุดตัวเลขจนหมด
สูตร บาคาร่า Fibonacci
สูตรนี้จะคล้ายกับลาบูเชอร์ตรงที่เป็นการใช้ชุดตัวเลขที่กำหนดไว้ด้วยหลักการที่ว่าต้องเคลื่อนที่ลำดับตัวเลขเมื่อเล่นเสีย และเริ่มต้นใหม่เมื่อชนะ โดยลำดับตัวเลขจะเกิดจากการเอาตัวเลขสองตัวก่อนหน้ามาร่วมกัน ก็จะได้ 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144 เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ หากแพ้ก็จะวางเดิมพันตามตัวเลขไปข้างหน้า 1 สเต็ป ถ้าชนะก็ถอยหลัง 2 สเต็ป ทำให้ฟิโบนันชี่เป็นระบบความก้าวหน้าเชิงลบที่จะใช้กู้คืนเงินที่เสียไป ยกตัวอย่างเช่น
- ตาที่ 1 วางเดิมพัน 1 หน่วย แพ้
- ตาที่ 2 วางเดิมพัน 1 หน่วย แพ้
- ตาที่ 3 วางเดิมพัน 2 หน่วย แพ้
- ตาที่ 4 วางเดิมพัน 3 หน่วย ชนะ
- ตาที่ 5 วางเดิมพัน 1 หน่วย แพ้
- ตาที่ 6 วางเดิมพัน 2 หน่วย ชนะ
- ตาที่ 7 วางเดิมพัน 1 หน่วย ชนะ
แล้วอย่างนี้ควรใช้สูตร บาคาร่าไหนดี
มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าสูตร บาคาร่ามีทั้งแบบก้าวหน้าเชิงบวกและเชิงลบ แต่ละแบบก็จะมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ เช่น มาร์ติงเกลใช้ดึงเงินทุนที่เสียไปกลับคืนมา ผู้เล่นจำเป็นต้องมีเงินทุนมากพอที่จะแทงทบ หรือมีประสบการณ์เล่นบาคาร่ามาก่อน ถ้ายังไม่ค่อยเล่นเรามีแหล่ง สอนเล่นบาคาร่า ขณะที่คนทุนน้อยในด้านเงินและประสบการณ์ อาจเลือกใช้พาโรลีที่สามารถเอากำไรมาต่อยอดได้เพราะจะแทงทบก็ต่อเมื่อชนะ ถึงอย่างนั้นก็ต้องตั้งจุดเก็บกำไรเอาไว้ก่อนที่จะแพ้ด้วย หรือใครที่เพิ่งเริ่มต้นอาจใช้ฟิโบนัชชี่ไม่ก็เป็นลาบูเชอร์ก็ได้ ถึงแม้ว่าสองสูตรนี้จะมีการคำนวณอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป และยังมีความชัดเจนในเรื่องของจำนวนเงินทุนที่ต้องใช้อีกด้วย ช่วยจัดการเรื่องใช้อารมณ์เล่นในมือใหม่ได้เป็นอย่างดี
อ้างอิง
Baccarat Betting Systems: Do These Strategies Work?.
https://www.casino.com/blog/guides/baccarat/baccarat-betting-systems/
Last Updated on 11 months by admin11