Hole Carding แค่มองไพ่ได้ก็ชนะ BlackJack
( Hole Carding แค่มองไพ่ได้ก็ชนะ BlackJack )ในโลกของ คาสิโนออนไลน์ นักพนันแต่ละรายย่อมมีเทคนิควิธีการเอาชนะที่แตกต่างกัน ซึ่งวิธีการเหล่านี้ต่างก็ได้มาจากการมองเห็นช่องโหว่ของเกม หรือโอกาสที่จะเอาชนะเจ้ามือ รวมไปถึงการพัฒนากลยุทธ์ต่าง ๆ ด้วยประสบการณ์จนกลายเป็นสูตรการเล่นต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมา โดยเฉพาะเทคนิคHole Cardingที่ได้ชื่อว่าเป็นวิธีการแสนง่ายที่จะเอาชนะ BlackJack ว่าแต่มันคืออะไร มันใช้อย่างไร ไปดูกันเลยครับ
สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มเล่นเกมไพ่แบล็คแจ็คคุณอาจสนใจบทความที่เกี่ยวข้อง คลิกอ่าน กติกาการเล่นไพ่ BlackJack และเทคนิคพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น
Hole Cardingคืออะไร
ถ้าจะเอาง่าย ๆ ตรงไปตรงมา มันก็คือเทคนิคการแอบมองไพ่ แบล็คแจ็ค นั่นเอง แต่การที่จะใช้เทคนิคนี้ได้จำเป็นต้องมีชั้นเชิงกันเสียหน่อย ไม่ต่างจากการบลัฟในโป๊กเกอร์ที่ต้องทำด้วยความชำนาญอย่างมีศิลปะ และหากสามารถทำได้ล่ะก็โอกาสที่เราจะชนะมีมากกว่า 95% เลยทีเดียว
หัวใจของHole Cardingคือการเก็บข้อมูลบางอย่างจากไพ่ที่คว่ำอยู่ (Hole Card) ของเจ้ามือ การที่จะมองไพ่ใบนี้ได้จำเห็นต้องใช้ความสามารถล้วน ๆ อุปกรณ์ไม่ต้อง ถึงมันจะดูยากไปเสียหน่อย แต่รับรองได้เลยว่ามันไม่ผิดกฎหมายและเจ้ามือก็ไม่สามารถเอาผิดเราได้ด้วย เว้นแต่ว่าเราจะส่งคนไปยืนมองไพ่หลังเจ้ามือหรือมีคนแอบส่งสัญญาณให้ อันนี้คือผิดเต็ม ๆ แล้วก็เตรียมตัวรับบทลงโทษกันได้เลย
BlackJack ถือได้ว่าเป็นเกมที่ต้องเล่นด้วยการคาดคะเนและคำนวณไพ่จากแต้มของเรากับเจ้ามือ เมื่อใดก็ตามที่รู้ถึงความน่าจะเป็นของHole Cardฝั่งเจ้ามือก็จะทำให้เราเล่นได้ง่ายขึ้น ซึ่งดีกว่าการนั่งมองไพ่เฉย ๆ และสร้างความเสียเปรียบให้เราได้มากถึง 0.5% อย่างไรก็ตามกลยุทธ์Hole Cardingแม้จะไม่ผิดกฎหมายแต่ถ้าถูกจับได้ก็อาจโดน เจ้ามือ หรือ คาสิโนออนไลน์ ตัดสิทธิ์ไม่ให้เล่นเลยก็ได้
เอาใจมือใหม่เล่นเกมไพ่แบล็คแจ็คกับ 14 เคล็ดลับที่จะช่วยให้มือใหม่ชนะ BlackJack ได้ง่ายขึ้น
กลยุทธ์Hole Cardingใช้อย่างไร
- เลือกโต๊ะก่อนเล่นเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นบ่อนหรือ คาสิโนออนไลน์ สิ่งที่ต้องทำก่อนตัดสินใจเล่นก็คือการเลือกโต๊ะก่อนเล่นเสมอ โดยมองหาโต๊ะที่เป็นดีลเลอร์มือใหม่ หรือพวกประสบการณ์น้อย พวกนี้จะไม่ค่อยรอบคอบมากนัก ทำให้มีโอกาสผิดพลาดสูง วิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือดูที่การหยิบไพ่ หากเป็นพวกที่คล่องมาก ๆ มักจะหยิบไพ่แทบจะไม่ห่างจากโต๊ะ ต่างจากดีลเลอร์มือใหม่ที่มักจะหยิบไพ่สูงกว่าโต๊ะผิดปกติ
- วิเคราะห์ดีลเลอร์ก่อนวางเดิมพัน
หลังจากที่เราได้โต๊ะแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าไปนั่งวางเดิมพันในทันที แต่ให้ลองดูก่อนสัก 2-3 ตา เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์Hole Cardingจะสามารถใช้กับดีลเลอร์คนนี้ได้จริง นอกจากนี้ต้องคอยดูด้วยว่าจุดนั่งตรงไหนที่ทำให้เราได้เปรียบในการมองไพ่ ที่สำคัญควรจะทำทีให้เหมือนว่าเรามาดูเกม แบล็คแจ็ค จะได้ไม่ถูกสงสัยตั้งแต่ยังไม่ได้เล่น
- มองหาโต๊ะที่วางที่สับไพ่ใกล้กับผู้เล่น
เครื่องสับไพ่ถือว่าเป็นอีกแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้Hole Cardingของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรจะเลือกจุดที่สามารถมองเห็นเครื่องสับไพ่ได้ชัดเจน เช่น ตำแหน่งขวามือสุดของโต๊ะ BlackJack ที่มักจะวางเครื่องไว้แถวนี้ อย่างน้อยมันก็จะช่วยให้เรามีโอกาสแอบมองไพ่ได้มากขึ้น
- มองหาเครื่องสับไพ่ที่ช่องหยิบไพ่สูงกว่าโต๊ะ
สำหรับเครื่องสับไพ่คาสิโนบางแห่งยังคงใช้เครื่องรุ่นเก่าที่มีช่องหยิบไพ่หรือปากทางออกอยู่เหนือโต๊ะประมาณ 2-3 นิ้ว ถือเป็นช่องโหว่หนึ่งที่ทำให้เราสามารถแอบมองไพ่ได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ก็จะมีของแบรนด์ ACE สีดำเท่านั้นที่ยังคงทำปากทางออกสูงเหนือโต๊ะ และยังคงนิยมใช้ในคาสิโนอีกด้วย
- นั่งในจุดที่ตรงกับมือแจกไพ่ของดีลเลอร์
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้คือดีลเลอร์แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนถนัดซ้าย บางคนถนัดขวา ตรงนี้เราเอามาวิเคราะห์ได้ว่าหากดีลเลอร์ถนัดซ้ายให้เรานั่งฝั่งซ้ายของดีลเลอร์ซึ่งเป็นตำแหน่งแรก หรือถ้าดีลเลอร์ถนัดขวาก็ให้นั่งฝั่งขวาของดีลเลอร์แทน ซึ่งจะเป็นตำแหน่งสุดท้าย
- จับจ้องมองที่มุมไพ่Hole Card
สำหรับนักเล่น แบล็คแจ็ค มืออาชีพ จะไม่ค่อยพลาดในการมองมุมไพ่Hole Cardของเจ้ามือ จากมุมไพ่ที่เผลอเผยอให้ได้เห็นเพียงเล็กก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าไพ่ใบนั้นคืออะไร หากมองไม่เห็นตัวเลขและมีลักษณะเป็นขอบ ไพ่นั้นมีโอกาสเป็น Face Card (ไพ่ J, Q, K) หากมองไม่เห็นอะไรเลยอาจเดาว่าเป็นไพ่แต้มต่ำอย่าง A, 2, 3 การจะใช้เทคนิคนี้ได้นอกจากความเนียนแล้วอาจต้องใช้แว่นดำในการพรางสายตาที่จับจ้องHole Cardของเจ้ามือด้วย
- มองมุมไพ่ทุกครั้งที่มีการเช็ค
ทันทีที่ไพ่ใบแรกของเจ้ามือเป็น A หรือไพ่ 10 แต้ม ดีลเลอร์ส่วนใหญ่มักจะแอบมองไพ่อีกใบว่าสามารถทำให้ตนติด BlackJack ได้หรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้แอบดูไพ่ไปด้วย
- เพิ่มโอกาสชนะด้วยการเล่นกันเป็นทีม
Hole Cardingจะทรงพลังยิ่งขึ้นเมื่อเราเล่นกันเป็นทีม เพราะมันจะช่วยให้เรามีโอกาสชนะมากถึง 70% เพียงแค่เรามีเพื่อนเล่นอยู่ด้วยในโต๊ะนั้น หากมีคนใดคนหนึ่งที่สามารถแอบมองไพ่ได้ อาจใช้วิธีส่งสัญญาณที่รู้กันในกลุ่ม จะเป็นเคาะโต๊ะ แตะขา หรือว่าอะไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญก็คืออย่าให้ใครรู้ว่าเรารู้จักกัน เพื่อให้เกิดความไหลลื่นและเลี่ยงต่อการถูกจับได้
- เสี่ยงเท่าที่จำเป็น
เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถคาดเดาได้ว่าHole Cardของเจ้ามือคืออะไร เราก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเดิมพันได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ควรเสี่ยงเด็ดขาด ให้ทำตามแผนเดิมหรือใช้กลยุทธ์พื้นฐานอื่น ๆ แทน เช่น การนับแต้มไพ่ เป็นต้น
- ไม่พลาดที่จะ Double Down หรือ Split ทุกครั้งที่เจ้ามือมีโอกาสทะลุ 21 แต้ม
ถ้าหากว่าไพ่ของเจ้ามือมีโอกาสที่จะติดแต้มระหว่าง 12-16 ก็มีความเป็นไปได้ว่าในการจั่วครั้งต่อไปมีโอกาสที่เจ้ามือจะมีแต้มรวมเกิน 21 แต้ม ให้เรา Double Down หรือถ้าถือไพ่คู่อยู่ในมือล่ะก็แยกมันออกมาเป็น 2 กอง จะช่วยให้เรามีโอกาสทำกำไรมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการทำHole Cardingจะช่วยให้เรารู้แนวทางการเล่นว่าต่อไปควรจะ Hit หรือ Stand ดี
- รีบ Hit เมื่อเจ้ามือติด 17 แต้ม
หลังจากที่เรามอง Hole Card ของเจ้ามือแล้วมั่นใจว่าต้องได้แต้มอย่างน้อย 17 แต้ม ควรจะ Hit ทันที เพราะถ้าเรามีน้อยกว่า 17 แต้มเท่ากับว่าเรามีโอกาสแพ้มากกว่า แต่ก็ต้องดูด้วยว่าแต้มในมือเรามีโอกาสที่จะ Bust หรือแต้มทะลุ 21 แต้มหรือไม่จากการจั่วไพ่ใบต่อไป
- ไม่จำเป็นต้อง Hit หากคิดว่าอีกฝ่ายจะเกิน 21 แต้ม
เงื่อนไขการเอาชนะ แบล็คแจ็ค ไม่ใช่การได้ 21 แต้ม แต่ 21 แต้มคือคะแนนสูงสุดของเกมไพ่ชนิดนี้ ดังนั้นหากคิดว่าอีกฝ่ายจะติด Bust แล้วล่ะก็ เราเองไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยง Hit แต่อย่างใด แค่ Stand เอาไว้รอให้อีกฝ่ายทำแต้มเกิน แค่นี้เราก็ชนะได้ง่าย ๆ แล้ว
นอกจากพื้นฐานของกลยุทธ์Hole Carding ทั้ง 12 ข้อนี้แล้ว การที่จะทำให้เทคนิคนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นจำเป็นต้องใช้การฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ นอกจากนี้กลยุทธ์Hole Carding ยังแบ่งออกเป็น 4 รูป ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันดังนี้
รูปแบบที่ 1 : First-Basing and Spooking
เป็นวิธีการพื้นฐานในการเช็คไพ่ Hole Card โดยเราจะแอบมองไพ่ของเจ้ามือขณะที่อีกฝ่ายกำลังเช็คไพ่ Hole Card อยู่ ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า First-Basing ส่วนการทำ Spooking คือการให้ผู้เล่นอีกคนช่วยแอบมอง Hole Card ของดีลเลอร์จากอีกมุม จากนั้นค่อยแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยการส่งสัญญาณให้กัน สำหรับนักเดิมพันที่เชี่ยวชาญการทำHole Carding ในเกม แบล็คแจ็ค มักจะเอาข้อมูลที่ได้มาอ้างอิงกับตารางสูตรข้างล่างเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะ Hit หรือ Stand
จากตารางเป็นตัวอย่างการเล่น BlackJack ที่ใช้ไพ่ 6 สำรับในการเล่น และเจ้ามือจะ Stand เมื่อได้แต้ม 17 โดย Columns จะหมายถึงแต้มฝั่งเจ้ามือ ส่วน Rows จะหมายถึงแต้มฝั่งเรา สีแดงคือ Stand และสีเขียวคือ Hit ยกตัวอย่างเช่น เจ้ามือได้ 17 แต้ม ส่วนเราได้ 18 แต้ม จุดตัดคือสีเขียวแสดงว่าตานี้เราจะต้อง Hit
รูปแบบที่ 2 : Front-Loading
การทำ Front Loading คือการแอบมองไพ่ขณะที่ Hole Card ถูกเลื่อนไปอยูใต้ไพ่ที่หงาย เราจะเริ่มมองตั้งแต่ตอนที่ไพ่ออกจากเครื่องสับไพ่โดยอาศัยช่วงเวลาที่ไพ่ย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นเทคนิคที่ต้องใช้ทักษะการแอบมองระดับสูง เพราะมีแค่ช่วงที่ไพ่ถูกหยิบขึ้นมากับจังหวะที่ไพ่สะดุดกับโต๊ะเท่านั้นเราจะมีโอกาสได้แอบมอง ดังนั้นการนั่งในตำแหน่งที่อยู่ใกล้เครื่องแจกไพ่จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้วิธีนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น
รูปแบบที่ 3 : Partial Information
เนื่องจาก Hole Cardingเป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความชำนาญในการแอบมองเป็นหลัก แต่ข้อมูลที่ได้มาก็มักจะทำให้เกิดความลังเล เช่น หากเห็นขอบไพ่ไม่มีจุดสีอะไรเลย อาจเป็นไพ่ A, 2 หรือ 3 ก็ได้ แต่ถ้ามีจุดสีเล็ก ๆ อาจเป็นไพ่ 4-10 ซึ่งตรงนี้ถ้าไม่มีความมั่นใจก็อาจนำไปสู่ความพ่ายแพ้ได้เหมือนกัน ดังนั้น Partial Information จึงเกิดมาเพื่อแก้ไขสิ่งด้วยด้วยตารางข้อมูลด้านล่าง
จากตารางนี้ Column จะหมายถึงแต้มไพ่หงายของเจ้ามือ ส่วน Rows คือแต้มไพ่ของเรา สมมติว่าไพ่หงายของเจ้ามือเป็น 9 แต้ม แล้วเรามีอยู่ 12 แต้ม จากตารางจะเป็นสีแดงหมายความว่าให้เรา Stand ไว้ก่อน เพราะเจ้ามือมีโอกาส Hit เกิน 21 แต้ม หากไพ่อีกใบทำให้มีแต้มอยู่ระหว่าง 12-16 แต้ม หรือถ้าไพ่ใบแรกของเจ้ามือเป็น A ส่วนเรามี 17 แต้ม จะเห็นว่าเป็นช่องสีเขียว หมายความว่าให้เรา Hit สู้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีโอกาสติด แบล็คแจ็ค แต่การจั่วสู้ก็ดีกว่ายอมแพ้ไปเฉย ๆ
รูปแบบที่ 4 : Next Card Play
กลยุทธ์ Next Card Play ค่อนข้างจะย้อนแย้งกับ Hole Carding เสียหน่อยตรงที่เราจะไม่สนใจ Hole Card ของเจ้ามือ แต่เบนความสนใจไปที่ไพ่ใบที่สามของเจ้ามือแทน หรือที่เรียกกว่า Next Card ซึ่งต้องอาศัยจังหวะแจกไพ่ใบที่สามเท่านั้นในการแอบมอง ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อกลยุทธ์นี้ก็คือ ตำแหน่งที่นั่ง การนั่งในตำแหน่งแรกหากไม่ Hit คนต่อไปก็จะ Hit แทน แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายแล้วไม่ Hit เจ้ามือก็อาจยกเลิกไพ่ใบนี้ หรือใช้เป็นไพ่ใบที่สองของเจ้ามือแทน ดังนั้นการมองไพ่ Next Card จึงช่วยให้เรามีโอกาสคาดเดาได้แม่นขึ้นและเพิ่มโอกาสชนะให้กับเราด้วย
สำหรับใครก็ตามที่ต้องการใช้กลยุทธ์Hole Carding การฝึกฝนทักษะแอบมองแบบเนียน ๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่องยากมากหากเราจะใช้กลยุทธ์นี้ในบ่อนคาสิโน เพราะหลายที่ก็มีการใช้เครื่องสับไพ่ที่มีช่องจ่ายแทบจะเรียบไปกับโต๊ะ แต่ก็อย่างที่บอกไปในข้างต้นว่าต่อให้เป็น คาสิโนออนไลน์ ถ้าหากดีลเลอร์เป็นมือใหม่หัดแจกไพ่ ยังไงก็ย่อมมีจุดอ่อนให้เราได้เห็น และเล่นงานด้วยกลยุทธ์นี้ อย่างไรก็ตามใครที่คิดจะเพิ่มโอกาสชนะด้วยการพาคู่หูไปเล่นด้วยล่ะก็ ควรจะหาคนที่เข้าใจเรื่อง Hole Carding มีทักษะตรงนี้ค่อนข้างสูง ที่สำคัญควรจะเล่นเข้าขากับเราด้วย ไม่อย่างนั้นหากโดนจับได้ขึ้นมาอาจถูกแบนไม่ให้เล่น แบล็คแจ็ค จากคาสิโนทุกที่ได้เหมือนกัน
Last Updated on 11 months by admin11