เวลาดูฟุตบอลอังกฤษเราคงคุ้นหน้าคุ้นตากับทีมยักษ์ใหญ่ที่มีซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมากมาย แต่รู้มั้ยครับ? นอกจากทีมดังๆ แล้ว ยังมีทีม “ม้านอกสายตา” ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยนะครับ ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังหรือเงินทุนมหาศาล แต่สไตล์การเล่นนี่สุดยอดจริงๆ ครับ ทั้งความมุ่งมั่น ความทุ่มเท และเอกลักษณ์เฉพาะตัว วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 7 ทีมนอกกระแส ที่อาจทำให้คุณหลงรักได้แบบไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ ใครจะรู้ บางทีหนึ่งในทีมเหล่านี้อาจกลายเป็นทีมในดวงใจคนใหม่ของคุณก็ได้นะครับ


ประโยชน์ดี ๆ ของการรู้จัก ทีมนอกกระแส

ประโยชน์ดี ๆ ของการรู้จัก ทีมนอกกระแส

  1. เปิดมุมมองใหม่ในโลกฟุตบอล: ผมว่าการติดตามทีมนอกกระแสนี่สนุกมากเลยนะครับ เราจะได้เห็นสไตล์การเล่นที่แปลกตาไปจากทีมดัง ๆ เลยครับ ไม่ใช่แค่เล่นเพื่อเอาชนะอย่างเดียว แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความพยายาม แถมยังมีแทคติกที่สร้างสรรค์ บางนัดสนุกกว่าดูทีมใหญ่อีกนะครับ
  2. สนุกมากขึ้นตอนดูบอล: ลองคิดดูนะครับ นอกจากจะลุ้นทีมดัง ๆ แล้ว ถ้าเรามีทีมรองที่ชื่นชอบด้วย รับรองว่าดูบอลมันส์ขึ้นแน่นอนครับ เพราะได้ลุ้นทุกนัดที่พวกเขาลงเตะ ไม่ว่าจะเจอทีมไหนก็ตื่นเต้นไปหมดครับ
  3. เข้าใจวงการลูกหนังได้ลึกซึ้งขึ้น: ทีมนอกกระแสนี่น่าทึ่งมากนะครับ เขาเน้นพัฒนาผู้เล่น สร้างทีมจากรากหญ้า แถมโค้ชก็ทุ่มเทสุด ๆ ทำให้เราได้เห็นว่าฟุตบอลไม่ได้มีแค่เรื่องชัยชนะอย่างเดียวเลยครับ
  4. เป็นแรงบันดาลใจในชีวิตได้เลย: ผมชอบมากเลยครับ เวลาเห็นทีมเล็ก ๆ สู้กับอุปสรรค พัฒนาตัวเองจนสู้กับทีมใหญ่ได้ มันเป็นแรงบันดาลใจให้เราเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้เลยนะครับ ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่ยอมแพ้ครับ
  5. ได้เจอดาวรุ่งฝีเท้าดีก่อนใคร: สนุกมากเลยครับ เวลาเราดูบอลนอกกระแสมักจะมีดาวรุ่งที่น่าจับตามองเยอะแยะเลย ถ้าเราติดตามดู เราจะได้รู้จักนักเตะเก่ง ๆ ก่อนที่เขาจะดังในทีมใหญ่เลยนะครับ

7 ทีมนอกกระแส ของอังกฤษ รู้จักม้านอกสายตาที่ลีลาไม่แพ้ทีมใหญ่

1. เบรนท์ฟอร์ด (Brentford FC)

1. เบรนท์ฟอร์ด (Brentford FC)

เเบรนท์ฟอร์ดก่อตั้งขึ้นในปี 1889 โดยมีสนามเหย้าชื่อเก่าแก่คือกริฟฟินพาร์คครับ ก่อนจะย้ายมาใช้สนามแห่งใหม่ เบรนท์ฟอร์ด คอมมิวนิตี้ สเตเดียม สโมสรแห่งนี้เติบโตจากทีมระดับล่างในฟุตบอลอังกฤษครับ ผ่านการพัฒนาที่มั่นคงและการบริหารที่มีวิสัยทัศน์ จนสามารถเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาล 2021-22 ซึ่งถือเป็นการกลับมาบนลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 74 ปีเลยครับ

  • สไตล์การเล่นและแทคติกที่โดดเด่น: เบรนท์ฟอร์ดภายใต้การคุมทีมของ โธมัส แฟรงค์ มีสไตล์การเล่นที่เน้นการเพรสซิ่งสูงและการเล่นบอลอย่างมีประสิทธิภาพครับ โดยใช้การโจมตีที่รวดเร็วผ่านริมเส้นและลูกกลางอากาศที่อันตราย พวกเขายังให้ความสำคัญกับการครองบอล และการเล่นแบบเป็นทีมเพื่อสร้างโอกาสทำประตูครับ โดยเฉพาะการใช้กองหน้าตัวจบสกอร์อย่าง อิวาน โทนี่ย์ ที่เป็นหัวใจสำคัญในเกมรุกเลยครับ
  • ผลงานที่น่าประทับใจในช่วงหลัง: หลังจากเลื่อนชั้น เบรนท์ฟอร์ดสามารถรักษาฟอร์มได้ดีในพรีเมียร์ลีกครับ และสร้างผลงานเด่นอย่างการเอาชนะทีมใหญ่อย่างอาร์เซนอล และเชลซีได้ด้วยครับ นอกจากนี้ พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัว โดยเฉพาะในฤดูกาล 2022-23 ที่ทีมสามารถจบอันดับกลางตารางได้อย่างมั่นคงครับ และยังคงเป็นทีมที่คู่แข่งในลีกไม่สามารถประมาทได้เลยนะครับ

2. ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (Brighton & Hove Albion FC)

2. ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (Brighton & Hove Albion FC)

ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ก่อตั้งขึ้นในปี 1901 โดยเคยเป็นทีมที่โลดแล่นในลีกล่างของอังกฤษมาอย่างยาวนานครับ จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2017-18 ภายใต้การบริหารของ โทนี่ บลูม เจ้าของทีมที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างสโมสรให้มั่นคงและยั่งยืนครับ การลงทุนในสนาม เอเม็กซ์ สเตเดียม และศูนย์ฝึกซ้อมที่ทันสมัย ทำให้ทีมสามารถพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งในลีกสูงสุดเลยครับ

  • การเน้นการพัฒนาผู้เล่นเยาวชนและสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์: หนึ่งในจุดเด่นของไบรท์ตันคือการสร้างและพัฒนานักเตะเยาวชนผ่านอะคาเดมีที่มีคุณภาพสูงครับ พวกเขายังมีแมวมองที่สามารถดึงนักเตะดาวรุ่งหรือผู้เล่นที่ถูกมองข้ามมาปั้นต่อได้อย่างยอดเยี่ยมครับ โดยผู้เล่นหลายคนสามารถแจ้งเกิดและก้าวไปสู่ทีมระดับท็อปได้ เช่น มอยเซส ไกเซโด้ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สไตล์การเล่นของไบรท์ตันเน้นการครองบอล การโจมตีอย่างรวดเร็ว และการเพรสซิ่งที่ชาญฉลาดครับ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถต่อกรกับทีมใหญ่ได้เลยครับ
  • ผลงานที่น่าสนใจในฤดูกาลล่าสุด: ในฤดูกาล 2022-23 ไบรท์ตันสร้างความประทับใจด้วยการจบในอันดับ 6 ของตารางพรีเมียร์ลีกครับ ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเลยครับ พวกเขาโชว์ฟอร์มโดดเด่นด้วยการเอาชนะทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูลและเชลซีได้หลายครั้งครับ นอกจากนี้ยังได้สิทธิ์ไปเล่นในรายการยูโรปาลีกเป็นครั้งแรกด้วยครับ นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องของทีมเลยครับ

3. เบิร์นลี่ย์ (Burnley FC)

3. เบิร์นลี่ย์ (Burnley FC)

เบิร์นลี่ย์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1882 และเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษครับ พวกเขาเคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาแล้วในปี 1921 และ 1960 แต่หลังจากนั้นต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายและหล่นไปอยู่ในลีกล่างหลายครั้งครับ การกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2016-17 ภายใต้การคุมทีมของ ฌอน ไดช์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญครับ เบิร์นลี่ย์สามารถยึดตำแหน่งในลีกสูงสุดได้อย่างยาวนาน ก่อนจะตกชั้นในฤดูกาล 2021-22 และกลับมาอีกครั้งในฤดูกาล 2023-24 หลังคว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพได้อย่างโดดเด่นครับ

  • สไตล์การเล่นที่เน้นความแข็งแกร่งและการป้องกัน: เบิร์นลี่ย์เป็นที่รู้จักจากสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรับที่เหนียวแน่นและการใช้ลูกกลางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพครับ ภายใต้การคุมทีมของ ฌอน ไดช์ พวกเขาใช้แผนการเล่นที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังครับ โดยเน้นการป้องกันลึกและโต้กลับอย่างรวดเร็ว การวางตำแหน่งกองหลังอย่างมีวินัย รวมถึงความสามารถในการป้องกันลูกตั้งเตะ ทำให้ทีมยากต่อการถูกเจาะประตูเลยครับ
  • ความสำเร็จและการอยู่รอดในลีกสูงสุด: แม้จะเป็นทีมเล็กที่มีงบประมาณจำกัด แต่เบิร์นลี่ย์สามารถสร้างผลงานที่น่าทึ่งในพรีเมียร์ลีกได้หลายครั้งครับ เช่น การจบอันดับ 7 ในฤดูกาล 2017-18 ซึ่งทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปเล่นในศึกยูโรปาลีกครับ นอกจากนี้ยังมีชัยชนะสำคัญที่มักจะเกิดขึ้นในการเจอทีมใหญ่ครับ เช่น การบุกไปชนะลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ในฤดูกาล 2020-21 การอยู่รอดในลีกสูงสุดหลายปีติดต่อกันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการบริหารทีมที่มีประสิทธิภาพครับ

4. วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (Wolverhampton Wanderers FC)

4. วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (Wolverhampton Wanderers FC)

วูล์ฟแฮมป์ตัน หรือที่แฟนบอลเรียกสั้น ๆ ว่า วูล์ฟส์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1877 เป็นหนึ่งในสโมสรที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษครับ และเคยประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงปี 1950 โดยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดถึง 3 สมัยครับ หลังจากนั้นทีมต้องเผชิญกับช่วงเวลายากลำบากและตกชั้นไปยังลีกล่างหลายครั้งครับ การกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2018-19 ภายใต้การบริหารของ เจฟฟ์ ชี และการคุมทีมของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต นับเป็นการฟื้นฟูทีมครั้งสำคัญที่ทำให้วูล์ฟส์กลายเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งในลีกสูงสุดอีกครั้งครับ

  • สไตล์การเล่นที่เน้นการโจมตีและการใช้ผู้เล่นจากโปรตุเกส: วูล์ฟส์เป็นที่รู้จักในเรื่องการเล่นเกมรุกที่ดุดันและการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วครับ โดยเน้นการโจมตีผ่านปีกและลูกโต้กลับที่อันตรายครับ พวกเขายังมีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับนักเตะโปรตุเกสครับ เนื่องจากมี จอร์จ เมนเดส ซูเปอร์เอเยนต์คนดัง เป็นผู้สนับสนุนการดึงนักเตะดาวเด่นจากโปรตุเกสมาร่วมทีม เช่น รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่ และ เปโดร เนโต้ ส่งผลให้ทีมมีความลงตัวในเชิงเทคนิคและเกมรับที่แข็งแกร่งครับ
  • ผลงานที่น่าประทับใจในลีกและการแข่งขันยุโรป: ในฤดูกาล 2018-19 วูล์ฟส์จบอันดับ 7 ของพรีเมียร์ลีกและคว้าสิทธิ์ไปเล่นในยูโรปาลีกครับ ซึ่งพวกเขาสามารถทำผลงานได้ดีถึงขั้นเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฤดูกาล 2019-20 ครับ นอกจากนี้ ทีมยังสามารถเก็บชัยชนะเหนือทีมใหญ่ เช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี ได้หลายครั้งครับ ทำให้วูล์ฟส์ได้รับการยอมรับว่าเป็นทีมที่ไม่ควรมองข้ามในพรีเมียร์ลีกครับ ด้วยความสามารถในการปรับตัวและแทคติกที่เฉียบคมครับ

5. เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (Sheffield United FC)

5. เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (Sheffield United FC)

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก่อตั้งขึ้นในปี 1889 และเคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ครับ แม้สโมสรจะประสบปัญหาตกชั้นไปเล่นในลีกล่างอยู่นานหลายปีครับ แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019-20 ภายใต้การคุมทีมของ คริส ไวล์เดอร์ ครับ โดยการเลื่อนชั้นครั้งนี้สร้างความหวังให้แฟนบอลว่าสโมสรจะกลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดได้อย่างมั่นคงครับ

  • สไตล์การเล่นที่เน้นการป้องกันและการเล่นเป็นทีม: ภายใต้การคุมทีมของไวล์เดอร์ครับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มีสไตล์การเล่นที่เน้นความมีวินัยในเกมรับ การเล่นเป็นทีมที่สามัคคี และการเพรสซิ่งที่ดุดันครับ พวกเขาใช้แผนกองหลัง 3 ตัวที่มีการโอเวอร์แลปขึ้นโจมตีอย่างชาญฉลาดครับ โดยกองหลังจะมีบทบาททั้งในการป้องกันและการสร้างเกมรุกครับ ความเป็นระบบและการเล่นที่เข้าใจกันอย่างดีทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ยากต่อการเจาะประตูครับ
  • ผลงานที่น่าจดจำในฤดูกาลแรกหลังเลื่อนชั้น: ในฤดูกาล 2019-20 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สร้างความประทับใจให้แฟนบอลทั่วโลกด้วยการจบอันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีกครับ ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่เกินความคาดหมายอย่างมากครับ พวกเขาสามารถเก็บแต้มจากทีมใหญ่ได้หลายครั้งครับ เช่น การเสมอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และการชนะอาร์เซนอลครับ ความสำเร็จในฤดูกาลแรกทำให้ทีมได้รับการยอมรับว่าเป็นทีมที่ไม่ใช่แค่หน้าใหม่ในพรีเมียร์ลีกครับ แต่เป็นทีมที่พร้อมสู้กับทุกคู่แข่งอย่างแท้จริงครับ

6. ลีดส์ ยูไนเต็ด (Leeds United FC)

6. ลีดส์ ยูไนเต็ด (Leeds United FC)

ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อตั้งขึ้นในปี 1919 และเคยเป็นหนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษในยุค 1960-1970 โดยเคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดถึง 3 สมัยครับ อย่างไรก็ตาม สโมสรต้องเผชิญกับวิกฤตด้านการเงินและฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำครับ จนตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในปี 2004 และหายหน้าหายตาไปนานกว่า 16 ปีครับ การกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2020-21 ภายใต้การนำของ มาร์เซโล บิเอลซ่า เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้ทีมกลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งครับ

  • สไตล์การเล่นที่เน้นการโจมตีและความเร็ว: ภายใต้การคุมทีมของบิเอลซ่าครับ ลีดส์ ยูไนเต็ด มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน เน้นการโจมตีที่รวดเร็วและการเพรสซิ่งสูงครับ ทีมมักเปิดเกมรุกตั้งแต่ต้นเกมครับ โดยใช้ผู้เล่นปีกและกองกลางที่มีความคล่องตัวในการสร้างโอกาสทำประตูอย่างต่อเนื่องครับ การเคลื่อนที่ที่รวดเร็วและแม่นยำเป็นจุดเด่นที่ทำให้ลีดส์สามารถต่อกรกับทีมใหญ่ได้อย่างสูสีครับ
  • ผลงานที่น่าประทับใจภายใต้การคุมทีมของมาร์เซโล บิเอลซ่า: ในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่ลีดส์กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกครับ พวกเขาจบอันดับ 9 ของตาราง ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่เกินคาดหมายครับ ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจและสถิติการยิงประตูสูงครับ บิเอลซ่าพาลีดส์คว้าชัยชนะสำคัญครับ เช่น การเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และการเสมอกับลิเวอร์พูลในเกมที่เต็มไปด้วยความดุดันครับ ผลงานนี้ทำให้แฟนบอลต่างยกย่องว่าเขาเป็นกุญแจสำคัญที่คืนชีวิตชีวาให้กับลีดส์ ยูไนเต็ดอีกครั้งครับ

7. นอริช ซิตี้ (Norwich City FC)

7. นอริช ซิตี้ (Norwich City FC)

นอริช ซิตี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1902 และเป็นที่รู้จักในฐานะสโมสรที่มีความสามารถในการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกบ่อยครั้งครับ แต่ก็มักจะต้องดิ้นรนเพื่อรักษาตำแหน่งในลีกสูงสุดครับ สโมสรมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในยุค 1990 โดยเคยจบอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีกและได้เข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่าคัพครับ การเลื่อนชั้นล่าสุดของพวกเขาเกิดขึ้นในฤดูกาล 2021-22 หลังจากคว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพภายใต้การคุมทีมของ แดเนียล ฟาร์เก้ ครับ

  • สไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลและการโจมตี: นอริช ซิตี้มีสไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลและการสร้างสรรค์เกมจากแดนกลางครับ ทีมมักใช้การต่อบอลสั้นและการเล่นแบบผสมผสานเพื่อสร้างโอกาสในการทำประตูครับ การโจมตีผ่านปีกและการใช้กองหน้าที่เคลื่อนที่รวดเร็วเป็นจุดเด่นที่ทำให้ทีมสามารถสร้างโอกาสได้มากครับ แม้ว่าบางครั้งจะขาดความเด็ดขาดในการจบสกอร์ครับ
  • ความท้าทายในการรักษาตำแหน่งในลีกสูงสุด: แม้ว่านอริชจะมีความสามารถในการเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้บ่อยครั้งครับ แต่ปัญหาหลักของทีมคือการรักษาฟอร์มให้มั่นคงและการต่อสู้กับทีมใหญ่ในลีกสูงสุดครับ พวกเขามักเผชิญความยากลำบากในการเก็บแต้มและรักษาสมดุลระหว่างเกมรับและเกมรุกครับ ฤดูกาล 2021-22 เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องดิ้นรนจนตกชั้นกลับไปเล่นในลีกแชมเปี้ยนชิพครับ อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบพัฒนานักเตะเยาวชนและการบริหารที่มั่นคงครับ นอริชยังคงเป็นทีมที่มีศักยภาพในการกลับมาแข่งขันในพรีเมียร์ลีกได้ในอนาคตเสมอครับ

ผมอยากจะบอกนะครับว่า แม้ทีมใหญ่ๆ จะได้รับความสนใจจากสื่อเป็นส่วนมาก แต่ 7 ทีมม้านอกสายตาที่เราพูดถึงกันวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วครับว่า ความสำเร็จในวงการฟุตบอลไม่ได้วัดกันที่ชื่อเสียงหรือเงินทุนอย่างเดียว ผมชอบมากๆ เลยครับที่พวกเขาสู้ในสนามอย่างเต็มที่ วางแผนการเล่นได้ฉลาด และมีจิตวิญญาณนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทุกครั้งที่ลงสนาม พวกเขาไม่เคยทำให้แฟนบอลผิดหวังเลยนะครับ แถมยังเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลอังกฤษนี่แหละครับ ที่ใครๆ ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ถ้าทุ่มเทจริงๆ


คำถามที่พบบ่อย

1.ทีมฟุตบอลนอกกระแสในอังกฤษน่าสนใจยังไงบ้าง?

แม้จะไม่ใช่ทีมดังระดับโลก แต่พวกเขามีเสน่ห์มากๆ ทั้งลูกบอลสไตล์เฉพาะตัว ความมุ่งมั่นทุ่มเทในสนาม และการพัฒนาเด็กๆ ในทีมอย่างต่อเนื่อง บางนัดเจอทีมใหญ่ยังเล่นได้สนุก สู้ได้สูสีเลยนะครับ

2.แล้วทีมเล็กๆ พวกนี้มีลุ้นแชมป์บ้างมั้ย?

จริงๆ แล้วโอกาสคว้าแชมป์ใหญ่ๆ อาจจะน้อยหน่อยนะครับ แต่หลายทีมก็เคยได้แชมป์ลีกรองมาแล้ว บางทีมยังทำผลงานได้ดีในถ้วยต่างๆ เข้ารอบลึกๆ ทำเอาแฟนบอลปลื้มใจกันสุดๆ เลยครับ

3.อยากติดตามผลงานของทีมพวกนี้ทำยังไงดี?

ง่ายมากครับ เข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ของสโมสร โซเชียลมีเดียต่างๆ หรือจะติดตามข่าวกีฬาก็ได้ครับ ที่สำคัญอย่าลืมดูถ่ายทอดสดตอนแข่งด้วยนะครับ ทั้งในลีกและถ้วยในประเทศ สนุกแน่นอนครับ

4.มีโอกาสที่ทีมม้านอกสายตาจะก้าวขึ้นมาเป็นทีมใหญ่มั้ย?

มีแน่นอนครับ ถ้าบริหารการเงินดี พัฒนานักเตะเก่งๆ และมีแผนการเล่นที่แข็งแกร่ง ก็มีสิทธิ์ครับ ลองดูหลายๆ ทีมในอดีตสิครับ เมื่อก่อนก็เป็นทีมเล็กๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นทีมใหญ่ระดับโลกไปแล้วเลยนะครับ

Last Updated on 17 hours by admin4